บทนำประกันภัยงานก่อสร้าง
Introduction to Construction Insurance
เหตุผลที่เราแยกความสำคัญ ของงานก่อสร้าง หรือวิศวกรรมโยธา (Civil Engineering) รวมถึงงานติดตั้งเครื่องจักร (Machinery Erection)
ออกจากการประกันภัยทรัพย์สินทางวิศวกรรมประเภทอื่นๆ (Engineering Insurance)
เพราะสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน สำหรับ “ความเสี่ยงภัย” นั้น
เริ่มขึ้นตั้งแต่ การเข้าดำเนินงานตามสัญญา ตลอดจนถึงส่งมอบงาน และต่อเนื่องด้วยความรับผิดชอบต่อผลงาน
จนกระทั่งหมดภาระตามสัญญา..!
ประเด็นนี้เอง ทำให้การประกันภัยงานก่อสร้าง หรือ การประกันความเสี่ยงภัยงานตามสัญญา Contract Works Insurance
หรือที่ส่วนใหญ่จะกันเรียกว่า “การประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิดของผู้รับเหมา” Contractors’ All Risks เรียกย่อๆ กันว่า CAR.
" มีความเป็นเฉพาะตัว "
เพราะด้วยเงื่อนไขกรมธรรม์ที่แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ (Section) นอกจากจะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อเนื้องานจากปัจจัยภายนอกแล้ว
ยังรวมไปถึงความเสียหายอื่นๆอันเกิดจากการปฏิบัติงานตามสัญญาอีกด้วย (Performance of the Contract Works)
วัตถุประสงค์ของการเสนอเนื้อหา จึงเป็นการหยิบยกสาระสำคัญบางส่วนของการประกันภัย CAR
เพราะอย่างน้อย เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมา และผู้ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องดูแลการทำงานโดยตรง
จะได้รับทราบขอบเขตของการรับประกันภัยประเภทนี้ เพื่อหาแนวทางป้องกัน
หรือจัดทำประกันภัยผ่านผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมตลอดระยะเวลาของสัญญาที่ดำเนินงานนั้น ต่อไป

การปฏิบัติงานของผู้เอาประกันภัย มีส่วนสำคัญมากๆ ในการกำหนดระดับของความเสี่ยงภัยให้สูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้
ดังนั้น เงื่อนไขทั่วไปของกรมธรรม์ CAR นี้ เสมือนหนึ่งเป็นข้อรับรอง(Warranty) ที่ผู้เอาประกันภัยควรต้องปฏิบัติ และต้องดำเนินการ หากมีกรณีตามที่กำหนดไว้ ดังนี้
-
ใช้ความระมัดระวังตลอดระยะเวลาดำเนินการ โดยยึดหลักการของวิศวกรรมที่ถูกต้อง (Sound Engineering Practice) เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
-
แจ้งให้ทราบทันที หากจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้องานก็ดี ลักษณะการทำงานก็ดี หรือเหตุอื่นๆ อันจะทำให้ความเสี่ยงภัยของงานเพิ่มขึ้น หรือความเสี่ยงต่อความรับผิดนั้นสูงขึ้น (Material Change in the Risks)
-
แจ้งให้ทราบทันที เมื่อผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา หรือผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) ถอนตัว
-
แจ้งให้ทราบทันที เมื่อจะมีการหยุดงานเกินกว่า 1 เดือน
-
แจ้งให้ทราบทันที เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น โดยทั้งนี้ต้องไม่เกิน 14 วันนับแต่วันเกิดเหตุ
ถือเป็นเงื่อนไขหลัก และบังคับใช้กับทุกหมวด (Section l ll & lll ) ซึ่งจะระบุว่า อะไร และ อย่างไร บ้างที่การประกันภัย CAR นี้ไม่คุ้มครอง ดังนี้
-
ค่าปรับ หรือค่าเสียหายต่างๆอันเกิดจากการทำงานล่าช้า , การค้ำประกันผลงานหรือการขาดประสิทธิภาพของการทำงาน
-
ความเสียหายต่อเนื่องอย่างใดๆ (Consequential Loss) ซึ่งเกิดจากความเสียหายโดยตรงนั้น ทุกชนิด
-
การกระทำความเสียหายโดยเจตนา หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้จัดการ หรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานนั้นโดยตรงของผู้เอาประกันภัย
-
ความเสียหายที่เกิดจาก การจลาจล การนัดหยุดงาน (Riot , Strike)
-
ความเสียหายที่เกิดจาก สงคราม การปฏิวัติ รัฐประหาร การก่อความไม่สงบของประชาชน


Section I Building and Civil Engineering Works
หมวดที่ I อาคาร และงานวิศวกรรมโยธา
หมวดนี้กล่าวถึงการรับประกันภัยตัว " เนื้องานตามสัญญา " ไม่ว่าจะเป็นอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ซึ่งได้รับความเสียหายจากภัยทุกชนิดที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อยกเว้น (ตามหลักการของประกันภัย All Risks) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีและไม่สามารถคาดหมายได้ (Sudden and Unforeseen) ซึ่งจะกล่าวถึงบางห้วข้อที่สำคัญ ของหมวด 1 ได้ดังนี้
-
ระยะเวลาคุ้มครอง ของการประกันภัย CAR นอกจากจะ เริ่มต้นขึ้น และ สิ้นสุดลง ตามระยะเวลาที่ระบุบนหน้าตารางกรมธรรม์เช่นเดียวกับการประกันภัยอื่นๆ แล้วก็ตาม แต่ความพิเศษของการประกันภัย CAR ยังมีเงื่อนไขการเริ่มต้น และสิ้นสุด เพิ่มเติมที่สำคัญมากๆ ดังนี้
- เริ่มต้นคุ้มครองต่อเนื้องานตามสัญญา ก็ต่อเมื่อวัสดุอันเป็นเนื้องานนั้นมาถึงสถานที่เอาประกันภัย (สถานที่ก่อสร้าง) และได้ยกลงสู่พื้นที่สถานที่ก่อสร้างแล้ว (After Unloading...at the Contract Site) ทั้งนี้ มีประเด็นการตีความหมายของวัสดุลงสู่พื้นว่ามีความเคร่งครัดเพียงใด ? หากลักษณะของพื้นที่ หรืองานก่อสร้างโครงการนั้นๆ ไม่มีพื้นที่ที่เอื้ออำนวยต่อการวาง วัสดุลงสู่พื้นได้ เช่น งานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ หรือทะเล หรือการส่งวัสดุเนื้องานที่เป็นของเหลว ซึ่งต้องรับวัสดุจากผู้ขนส่ง และส่งเนื้องานนั้นต่อไปยังจุดที่ต้องดำเนินการเลย เช่น การใช้ trailer concrete pump หรือ truck-mounted concrete pump ดังนั้น ประโยคของเงื่อนไขที่ให้ความหมาย เล็กๆน้อยๆ เหล่านี้ ก็ควรจะมีความชัดเจนกับบริษัทประกันภัย เพื่อให้การเริ่มต้นดังกล่าวนี้ มีความหมายถึง เมื่อวัสดุนั้นมาถึงสถานที่ และอยู่ในความควบคุมของผู้เอาประกันภัยแล้ว เป็นต้น
- สิ้นสุดความคุ้มครองลงเมื่อ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้องานตามสัญญาที่รับประกันภัยนั้น “ ผู้ว่าจ้างได้รับมอบงานจากผู้รับจ้างแล้ว (Taken Over) ” หรือ “ ผู้ว่าจ้างได้ใช้งานส่วนนั้น ตามวัตถุประสงค์ของโครงการแล้ว ( Taken into use) ” ไม่ว่ากรณีอย่างใดอย่างหนึ่งจะเกิดขึ้นก่อน การรับประกันภัยเนื้องานตามสัญญานั้นจะสิ้นผลลง แม้ระยะเวลาประกันภัยตามหน้าตารางกรมธรรม์จะยังไม่ครบกำหนดก็ตาม
-
ระยะบำรุงรักษา (Maintenance Period) หลังจากที่ผู้รับเหมาได้ส่งมอบงานแล้ว และการบำรุงรักษางานตามสัญญานั้น ได้ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ด้วย ประกันภัย CAR ให้ความคุ้มครองถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่องานตามสัญญาในระหว่างที่ผู้รับเหมารายเดิมเข้าไปดำเนินการแก้ไขงานนั้นให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสัญญาอีกด้วย แต่ทั้งนี้ งานที่เข้าไปดำเนินการนั้น ต้องไม่เป็นการเพิ่มเติมงานใหม่ขึ้นมานอกจากเนื้องานเดิมที่ได้ทำไว้ เพราะสาระสำคัญของเงื่อนไขการบำรุงรักษา ก็เพื่อให้ความคุ้มครองต่อผู้รับเหมาเดิมซึ่งยังคงมีภาระความรับผิดชอบต่องานที่ส่งมอบไปแล้ว และต้องเข้าไปดำเนินการแก้ไขงานให้ถูกต้อง ดังนั้น ความคุ้มครองจึงไม่ใช่ประเด็นของการทำงานขึ้นมาใหม่ หรือค่าใช้จ่ายที่ต้องเข้าไปแก้ไขงานให้ถูกต้อง แต่เป็นค่าเสียหายจากอุบัติเหตุในระหว่างที่เข้าไปดำเนินการแก้ไขงานต่างหาก
-
ข้อยกเว้น (Exclusions) ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อเนื้องานตามสัญญา โดยขอกล่าวถึงความสำคัญบางข้อ ดังนี้
- ความเสียหายที่เกิดจากการออกแบบผิด (Faulty Design)
- การซ่อมแซมจากการสึกหรอตามปรกติของงาน (Normal making good)
- ค่าใช้จ่ายในการทำใหม่ หรือแก้ไขดัดแปลง ซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจาก การใช้วัสดุขาดคุณภาพ หรือฝีมือการทำงานไม่ดี ( Defective Material or Bad workmanship)
- การเสื่อมสภาพ หรือเกิดสนิม เนื่องจากการขาดการใช้งานและสภาพภูมิอากาศตามปรกติ (Wear and tear , oxidation , deterioration due to lack of use and normal atmospheric conditions)
- การหยุดชะงักหรือขัดข้องภายในของระบบกลไกของเครื่องจักร เครื่องไฟฟ้าที่ใช้เป็นเครื่องมือในการก่อสร้าง (Mechanical / Electrical breakdown or derangement of construction plant and construction machinery)


Section II Machinery Erection
หมวดที่ II การติดตั้งเครื่องจักร
หมวดนี้คือการรับประกันภัยลักษณะเดียวกันกับ หมวดที่ l ซึ่งให้ความคุ้มครองตัวเนื้องานตามสัญญา นั่นก็คือ “ตัวเครื่องจักร” ที่ผู้รับเหมาต้องดำเนินการติดตั้ง ณ.สถานที่ที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เช่น ติดตั้งเครื่องจักรผลิตสินค้าในโรงงาน , ติดตั้งเครื่องไฟฟ้าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้กับอาคารและสิ่งปลูกสร้าง หรือติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเครื่องจักรเครื่องยนต์กลไกต่างๆ เป็นต้น
การติดตั้งเครื่องจักร จะเป็นการดำเนินงานพร้อมกันกับงานอาคารและวิศวกรรมโยธา ตามหมวด l ก็ได้ การประกันภัยนั้นก็จะเรียกว่าเป็นการประกันภัย CAR หรือ หากเป็นการดำเนินงานติดตั้งเครื่องจักรโดยเฉพาะ หรือติดตั้งเครื่องจักรเป็นงานส่วนใหญ่แล้ว การประกันภัยนั้น ก็จะเรียกว่าเป็นการประกันภัย EAR ซึ่งมาจาก Erection All Risks นั่นเอง แต่จะเรียกกันอย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการรับประกันภัยก็อยู่ภายใต้การประกันภัย CAR หมวดที่ ll นี้เอง
-
ระยะเวลาคุ้มครอง (Period of Insurance) เช่นเดียวกับงานตามสัญญาในหมวดที่ l ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นความคุ้มครองต่อเนื้องาน เมื่อยกลงสู่พื้นที่อันเป็นสถานที่เอาประกันภัยแล้ว และสิ้นสุดความคุ้มครองลง เมื่อผู้ว่าจ้างรับมอบงานติดตั้งเครื่องจักรนั้น หรือ ได้ใช้งานเครื่องจักรนั้น หรือ ได้ทดลอง (Testing)เครื่องจักรนั้นเสร็จสิ้นแล้ว แม้ระยะเวลาตามหน้าตารางกรมธรรม์จะยังไม่ครบกำหนดก็ตาม
แต่ทั้งนี้ เงื่อนไขการรับประกันภัยกำหนดระยะเวลาคุ้มครองในช่วงของการทดลองเครื่องจักร (Testing) เพียง 4 สัปดาห์ นับแต่วันที่เริ่มต้นการทดลองเครื่องจักรนั้น
ดังนั้น หากระยะเวลาทดลองเครื่องจักร เกินกว่า 4 สัปดาห์แล้ว ควรแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อกำหนดระยะเวลาการรับประกันภัยในกรมธรรม์ให้เป็นไปตามสัญญาด้วย
ข้อสังเกตุ การรับประกันภัยงานติดตั้งเครื่องจักร ในหมวดที่ ll นี้ ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขของระยะเวลาบำรุงรักษา (Maintenance Period) อย่างเช่น หมวดที่ l ไว้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญต่อความคุ้มครองในส่วนนี้ หากมีกรณีที่ผู้รับเหมาต้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขงานติดตั้งให้เป็นไปตามสัญญาอีกด้วย
-
ข้อยกเว้น (Exclusions) ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อเนื้องานตามสัญญา เช่นเดียวกับหมวดที่ l เช่น การซ่อมแซมจากการสึกหรอตามปรกติของงาน (Normal making good) , ความเสียหายอันเนื่องมาจากการการออกแบบผิด (Faulty design) วัสดุขาดคุณภาพ (Defective material) ฝีมือการทำงานไม่ดี (Bad workmanship) (เว้นแต่เป็นความบกพร่องจากการติดตั้ง และเกิดอุบัติเหตุจนได้รับความเสียหาย เช่นนี้คุ้มครอง) เป็นต้น

Section III Third Party Liability
หมวดที่ III ความรับผิดต่อบุคคลที่สาม
การดำเนินงานภายใต้สัญญาว่าจ้างนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุ
จากการทำงานนั้นโดยตรง และทำให้บุคคลภายนอกซึ่งไม่ได้
เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างหรืองานติดตั้งได้รับความ
เสียหาย การประกันภัย CAR จึงให้ความ
คุ้มครองต่อความเสียหายของบุคคลเหล่านั้น ได้แก่
-
ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย (Bodily injury)
-
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Property damage)
ทั้งนี้ ความหมายของบุคคลที่สาม หรือ บุคคลภายนอก
ที่จะได้รับความคุ้มครองตามหมวดนี้ คือ บุคคลใดๆ หรือ
บริษัทหรือองค์กรใดๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใดๆ
กับงานตามสัญญา
ดังนั้น ในทางกลับกัน หากความเสียหายจากการดำเนิน
งานตามสัญญานั้น เกิดขึ้นต่อบุคคล หรือบริษัท หรือ
องค์กรใด ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานตามสัญญาแล้ว
จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
ข้อยกเว้น (Exclusions)
ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนี้
-
ค่าใช้จ่ายสำหรับจัดซ่อมความเสียหาย ต่อทรัพย์สินที่
สามารถนำมาทำประกันภัยได้ภายใต้ ตามหมวด l และ
หมวด ll -
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน พื้นดิน หรืออาคาร อันมี
สาเหตุจากการสั่นสะเทือน การถอดถอน หรือการ
อ่อนแรงของสิ่งค้ำจุน (Vibration Removal or
Weakening of Support – VRWS.) รวมถึงการ
บาดเจ็บต่อชีวิต ร่างกายของบุคคลใดๆ หรือ
ความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดขึ้นอันเป็นผล
จากความเสียหายนั้น -
ความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกายของลูกจ้าง คนงาน
ของผู้รับเหมาต่างๆ , ของผู้ว่าจ้าง หรือของบริษัท
องค์กร ที่เกี่ยวข้องอย่างใดๆ กับงานตามสัญญา
รวมถึงบุคคลในครอบครัวของบุคคลเหล่านั้น -
ความเสียหายต่อทรัพย์สินซึ่งเป็นของ ผู้รับเหมาต่างๆ
, ผู้ว่าจ้าง บริษัทหรือองค์กรใดๆ ที่เกี่ยงข้องกับงาน
ตามสัญญา หรือของลูกจ้าง คนงาน ของบุคคลเหล่านั้น
รวมถึง ความเสียหายของทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแล
ครอบครอง หรือควบคุม ของบุคคลดังกล่าวด้วย -
ความเสียหายที่เกิดจากยานพหนะ (รถยนต์ , รถบรรทุก)
ที่จดทะเบียนอนุญาตให้วิ่งบนถนนทั่วไป ยานพาหนะ
ทางน้ำ หรือ เครื่องบิน -
คำแนะนำทางเทคนิค หรือทางวิชาชีพซึ่งผู้เอาประกันภัย
หรือตัวแทนผู้เอาประกันภัยได้แนะนำไป
สรุปโดยหลักการว่า
การประกันภัย CAR จะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อ “บุคคลภายนอก”(บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง) จากการดำเนินงานต่างๆ ตามสัญญาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสั่นสะเทือน เช่น ตอกเข็ม-เจาะเข็ม ,การขุดดิน หรือ การถอดถอนหรือการอ่อนตัวของสิ่งค้ำจุน เช่น ถอน Sheet piles หรือ สิ่งป้องกันดินพังลง เป็นต้น กล่าวได้ว่า ประกันภัย CAR คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ที่มีสาเหตุเกิดจาก Non VRWS. เท่านั้น
ดังนั้น การขยายความคุ้มครองความรับผิดที่เกิดจาก VRWS. ก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจพอสมควรด้วยว่า เมื่อขยายเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว รายละเอียดปลีกย่อยของเงื่อนไขนั้น สามารถให้ความคุ้มครองตรงต่อความเสี่ยงจากการทำงานที่ต้องปฏิบัติ หรือกำลังปฏิบัติอยู่ได้มากน้อยเพียงใดด้วย

CAR. Insurance Overview
ยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่ได้กล่าวในเมนูนี้ ด้วยพื้นที่อันจำกัด
นั้นก็เพราะว่า
การประกันภัย CAR ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความเสี่ยงจากการทำงานต่างๆ ของผู้รับเหมาโดยเฉพาะ
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า "งานเพียง 1 งาน แต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบรอบด้าน"
แน่นอนว่าเงื่อนไขประกันภัย CAR มาตรฐาน ย่อมให้ความคุ้มครองครอบคลุมไม่ครบทั้งหมด
แต่ถ้าได้จัดการเงื่อนไขให้ตรงต่อความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว ประกันภัยนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทุกๆ ฝ่าย
และเพื่อให้มองเห็นภาพลักษณะของการประกันภัย CAR ได้ชัดเจนขึ้น จึงได้สรุปตามแผนผัง
ดังนี้




